พื้นไวนิลถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการรีโนเวทบ้านยุคใหม่ เพราะสามารถทำเองได้โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือช่างขนาดใหญ่ การติดตั้งและการเตรียมพื้นผิวไม่กระทบต่อโครงสร้างหลักของตัวอาคาร อีกทั้งยังเป็นวัสดุปูพื้นผิวที่มีความทนทานต่อความชื้น มีพื้นผิวสัมผัสและลวดลายให้เลือกหลากหลาย สามารถติดตั้งง่ายและรื้อถอนง่ายอีกด้วย สายรีโนเวทที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกกระเบื้องแบบใดจึงจะเข้ากับสไตล์การแต่งบ้าน เราหวังว่าข้อมูลวิธีการเลือกพื้นไวนิลเบื้องต้นประกอบกับคำแนะนำจากนักออกแบบภายในมืออาชีพใน บทความ วิธีการเลือก พื้นไวนิล สำหรับการตกแต่งภายในบ้าน ที่จะช่วยคุณประหยัดงบประมาณค่าพื้นไปได้หลายบาท เรื่องนี้ จะเป็นประโยชน์กับคุณได้แต่ก่อนอื่นเราไปทำความรู้จักกับพื้นชนิดนี้กันก่อนเลย
พื้นไวนิล คืออะไร
- พื้นไวนิล (Vinyl Tile) หรือ กระเบื้องไวนิล LVT (Luxury Vinyl Tile) เป็นแผ่นปูพื้นที่มีส่วนผสมของไวนิลหรือยาง เนื่องจากวัสดุมีโครงสร้างซ้อนทับกันหลายชั้น ในบางครั้งจึงนิยมเรียกว่า “กระเบื้องยางไวนิล” โดยความโดดเด่นของวัสดุปูพื้นชนิดนี้คือ มีโครงสร้างหลายชั้น มีความยืดหยุ่นสูง มีการเคลือบผิวจึงทำให้สีไม่ซีดจางง่าย ทนทานต่อรอยขีดข่วน ทนความร้อน มีการออกแบบลวดลายได้หลากหลายและสวยงามเสมือนจริง จึงตอบโจทย์การใช้งานในอาคารได้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น บ้าน คอนโดมิเนียมหรือสำนักงาน เป็นต้น
- ข้อดีของพื้นไวนิลคือ
- พื้นไวนิลให้การยึดเกาะที่ดี ไม่ลื่นปลอดภัย พื้นไวนิลนิยมใช้ในบ้าน เวลาสมาชิกในบ้านหกล้มแล้วจะไม่เกิดอาการบาดเจ็บมาก เพราะพื้นผิวมีความนุ่มเดินแล้วไม่เกิดเสียง และยังนิยมใช้พื้นไวนิลปูในสำนักงาน และโรงพยาบาลด้วย
- สำหรับพื้นไวนิลราคาไม่แพง หากเทียบพื้นแบบอื่น ๆแล้วพื้นไวนิล ถือว่าเป็นวัสดุที่ราคาถูกกว่าพื้นชนิดอื่น ๆ และพื้นไวนิลยังลายที่เหมือนกับไม้จริงอื่นด้วย
- ดูแลรักษาง่าย ทำความสะอาดง่าย และทดทานต่อการใช้งาน
- ใช้เวลาติดตั้งไม่นาน ไม่เกิดฝุ่น พื้นไวนิลไม่ทำให้เกิดเสียงดังขณะติดตั้งงานพื้นไวนิล
- พื้นไวนิลมีรอยต่อระหว่างแผ่นที่สนิท ลดปัญหาการเกิดความสกปรกของร่องยาแนว ที่พบได้จากการปูพื้นไวนิลลงชนิดอื่น ๆ และยังช่วยลดการสะสมเชื้อโรคสิ่งสกปรก จึงเหมาะกับใช้งานในบ้านและในโรงพยาบาลอีกด้วย
- ข้อเสียของพื้นไวนิล
- ถ้าพื้นเดิมไม่เรียบแม้เพียงนิดเดียว เมื่อปูพื้นไวนิลทับไปจะเห็นเป็นคลื่นชัดเจน เดินแล้วรู้สึกได้ชัดเจน ก่อนปูพื้นจึงแนะนำให้ปรับระดับพื้นให้เรียบที่สุดก่อน
- ผิวสัมผัสและอุณหภูมิไม่เหมือนไม้ ถ้าปูในบริเวณที่ต้องเดินเท้าเปล่า จะรู้สึกถึงความแตกต่างจากพื้นไม้จริงอย่างชัดเจน
เนื่องจากพื้นไวนิลมีการออกแบบลวดลายที่สวยเสมือนจริง ทนทานต่อความชื้นได้ดี จึงกลายมาเป็นวัสดุปูพื้นบ้านยอดนิยมในยุคนี้ แต่ก่อนที่จะเลือกใช้พื้นไวนิลต้องมาพิจารณาก่อนว่า พื้นไวนิลแบบใดที่ตอบโจทย์การใช้งานของคุณที่สุด
วิธีการเลือกพื้นไวนิล
- เลือกจากวัตถุดิบที่นำมาทำพื้นไวนิล คุณสมบัติหลักของพื้นไวนิลคือยืดหยุ่นได้ดี ไม่ก่อให้เกิดปัญหาการเปราะแตกและไม่ถูกกัดแทะโดยแมลงตามธรรมชาติ ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้เป็นผลมาจากวัตถุดิบที่นำมาใช้ทำพื้นไวนิลที่เป็นสารในกลุ่มยาง โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
- ยางโพลิเมอร์ เป็นสารสังเคราะห์ที่ได้จากกระบวนการปิโตรเคมี พื้นไม้ไวนิลที่ทำจากวัตถุดิบประเภทนี้จะมีลักษณะเหนียว แข็งแรง ทนทานต่อการขูดขีด มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน สีสดสวย ไม่ซีดจางได้ง่าย บางรุ่นสามารถทนทานต่อแสงแดดที่ส่องเข้ามาในตัวอาคารได้ดี ทนทานต่อสารละลายในกลุ่มน้ำมันที่ใช้ในครัวเรือน จึงสามารถใช้เป็นแผ่นปูพื้นในห้องครัวหรือห้องอาหารได้
- ยางธรรมชาติ ทำมาจากวัตถุดิบยางพารา ซึ่งได้จากธรรมชาติโดยไม่ต้องใช้กระบวนการสังเคราะห์เคมี กระเบื้องประเภทนี้จะมีความนุ่มจะสามารถกระจายน้ำหนักได้ดี ทำให้ไม่เกิดเสียงขณะเดินและลดช่องว่างระหว่างพื้นและแผ่นไวนิล มีความยืดหยุ่นสูง หดขยายตัวตามอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว บางรุ่นจะมีคุณสมบัติไม่ก่อให้เกิดไฟฟ้าสถิต จึงใช้งานในห้องที่ความชื้นต่ำได้ ไม่ทำให้ฝุ่นจับตัวจากไฟฟ้าสถิต
- เลือกพื้นไวนิลที่สะดวกต่อการติดตั้ง หากคุณต้องการติดตั้งพื้นไวนิลด้วยตัวเอง ต้องตรวจสอบก่อนว่าพื้นเดิมทีต้องการปูกระเบื้องเป็นพื้นแบบใด เพื่อที่จะได้เตรียมพื้นผิวได้อย่างเหมาะสม ที่สำคัญการเลือกกระเบื้องที่ตอบโจทย์กับการใช้งานก็จะช่วยประหยัดเวลาและประหยัดค่าใช้จ่ายในการเคลียร์พื้นผิวและการติดตั้งได้อีกด้วย
- พื้นไวนิลแบบทากาว พื้นไวนิลแบบทากาวเป็นกระเบื้องที่บางแต่ทนต่อความชื้นได้ดี แต่ควรต้องมีการเลือกใช้กาวที่มีคุณภาพกันความชื้นร่วมด้วย โดยจะใช้ในการติดตั้งร่วมกับพื้นซีเมนต์ขัดมัน หรือติดตั้งทับพื้นกระเบื้องเดิมที่มีความมันเงาอยู่ก่อนแล้ว แต่ก่อนติดตั้งพื้นไวนิลนั้นจะต้องทากาวลงบนพื้นเสียก่อน ซึ่งการติดตั้งบนพื้นซีเมนต์ที่ผ่านการขัดมันมาแล้วจะช่วยให้กาวยึดติดพื้นกับกระเบื้องไวนิลได้แนบสนิทยิ่งขึ้น โดยจะมีอายุการใช้งานประมาณ 7 – 10 ปี ในปัจจุบันมีการผลิตพื้นไวนิลแบบที่มีกาวในตัว เพียงแค่ลอกแถบกาวออกก็สามารถติดตั้งพื้นได้อย่างรวดเร็วและผู้ใช้งานสามารถติดตั้งได้ด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตาม พื้นไวนิลแบบทากาวจะติดแน่นหนึบกว่าแบบที่มีการในตัว เพราะผู้ใช้งานสามารถควบคุมปริมาณกาวและเกลี่ยให้เสมอกันได้ดีกว่า
- พื้นไวนิลแบบคลิกล็อก พื้นไวนิลแบบคลิกล็อกจะมีความหนามากกว่าแบบปูด้วยกาว สามารถติดตั้งกับพื้นผิวได้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะปูทับกระเบื้องเดิม ปูทับซีเมนต์หยาบ หรือแม้แต่ปูทับพื้นไม้ปาร์เกต์ก็ทำได้เช่นกัน ถือเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในการติดตั้งและการเตรียมพื้นผิวไปในตัว ส่วนการติดตั้งนั้นไม่จำเป็นต้องใช้กาวในการยึดติด สามารถติดตั้งด้วยเดือยล็อกระหว่างแผ่นกระเบื้องเข้าด้วยกันอย่างง่ายดาย ก่อนขั้นตอนที่จะปูพื้นไวนิลแบบคลิกล็อกควรมีการปูโฟมเพื่อรองพื้นและกันความชื้น โดยกระเบื้องประเภทนี้จะมีเดือยล็อกเชื่อมต่อระหว่างแผ่นกระเบื้อง ซึ่งเดือยล็อกจะเป็นแบบคว่ำและหงาย ดังนั้นในกรณีที่ต้องการซ่อมแซมกระเบื้องก็สามารถแก้ไขได้เฉพาะแผ่น ทำได้ง่าย ไม่ต้องกังวลว่าจะกระทบหรือต้องรื้อแผ่นอื่น ๆ
- เลือกลวดลายของพื้นไวนิลให้เหมาะสมกับดีไซน์ของห้อง หากเลือกวัสดุปูพื้นได้เหมาะสมกับดีไซน์และการตกแต่งของห้อง จะช่วยเพิ่มความหรูหราและความสวยงามอย่างลงตัวมากยิ่งขึ้น โดยมีหลักการง่าย ๆ คือ
- ห้องที่มีความแคบ ควรเลือกสีโทนอ่อนหรือพื้นไวนิลเฉียดสีสว่าง เช่น สีครีม สีขาว สีลายหินอ่อน หรือลายไม้สีบีช เป็นต้น ซึ่งสีเหล่านี้จะเพิ่มความโปร่งโล่ง ทำให้คุณรู้สึกว่าห้องดังกล่าวมีขนาดกว้างใหญ่
- ห้องที่มีความกว้าง หรือห้องที่มีขนาดใหญ่ควรเลือกใช้พื้นไวนิลที่ค่อนไปทางโทนร้อน หรือโทนสีเข้มอบอุ่น ซึ่งจะส่งผลให้ห้องของคุณดูสบายตาและทำให้ห้องไม่ดูกว้างดูเคว้งคว้างเกินไป ซึ่งสามารถเลือกได้ทั้งลายไม้ ลายเรียบและลายหินอ่อน
นอกจากการเลือกโทนสีของพื้นไวนิลแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่จะช่วยทำให้ห้องของคุณดูมีมิติ ดูน่าอยู่มากยิ่งขึ้นนั่นก็คือการจับคู่โทนสีระหว่างเฟอร์นิเจอร์กับสีพื้น ควรให้เป็นสีที่มีการตัดกันเล็กน้อย ซึ่งนั่นจะทำให้ห้องของคุณดูสะอาดตาและน่าอยู่ยิ่งขึ้น
สรุป
สุดท้ายก่อนจะจากกันไป ในบทความ วิธีการเลือก พื้นไวนิล สำหรับการตกแต่งภายในบ้าน ที่จะช่วยคุณประหยัดงบประมาณค่าพื้นไปได้หลายบาท เรื่องนี้ แม้ว่ากระเบื้องปูพื้นไวนิลจะมีความทนทานต่อน้ำ และความชื้นจากสภาพอากาศ แต่ในการบำรุงรักษาไม่ควรทำความสะอาดด้วยการล้างเพราะจะทำให้ความชื้นและสิ่งสกปรกซึมลงบริเวณรอยต่อของแผ่นไวนิล ซึ่งจะก่อให้เกิดกลิ่นอับตามมา อีกทั้งไม่ควรวางเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีความร้อนสูงบนแผ่นปูพื้นชนิดนี้ เพราะจะทำให้พลาสติก PVC ละลาย ส่งผลให้พื้นไวนิลของคุณเกิดคราบเหลืองและมีอายุการใช้งานที่สั้นลง