เพื่อให้บ้านและห้องของเราดูมีชีวิตชีวามากขึ้น นอกจากการปลูกต้นไม้ในร่มที่กำลังเป็นที่นิยมแล้ว การนำดอกไม้มาใส่แจกันประดับไว้ตามมุมต่าง ๆ ก็จะช่วยให้บ้านของเราดูสวยงามและมีเสน่ห์มากขึ้นได้ แถมยังเป็นวิธีที่ง่ายและไม่ยุ่งยากอีกด้วย เพราะเราไม่ต้องคอยรดน้ำและใส่ปุ๋ยเหมือนกับต้นไม้ ทั้งยังสามารถเปลี่ยนประเภทของดอกไม้ได้ตามความต้องการทุกเมื่ออีกด้วย อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าแจกันทุกแบบจะเหมาะสมกับดีไซน์ของห้องและดอกไม้ที่เราชื่นชอบ หลายคนจึงอาจเกิดคำถามว่า แล้วควรจะเลือกแจกันอย่างไรดี ในวันนี้เราจึงได้นำบทความ วิธีการเลือกแจกันดอกไม้ประดับบ้าน ให้คุณได้บ้านที่สวยงามสดชื่นและน่าอยู่ ด้วยสีสันแสนงดงาม เรื่องนี้ ให้ทุกคนได้พิจารณากัน ไม่ว่าจะเป็นแจกันเซรามิก แจกันพลาสติกหรือแจกันแก้ว รับรองว่า บ้านของคุณจะดูสวยงามจนแขกไปใครมาก็ต้องทักเลยล่ะ
วิธีการเลือกแจกัน ให้ประดับบ้านได้สวยงามที่สุด
- จะเห็นได้ว่า แจกันที่วางจำหน่ายอยู่ในท้องตลาดมีมากมายหลากหลายแบบ แถมยังมีขนาดที่แตกต่างกัน รวมไปถึงวัสดุที่ไม่เหมือนกันอีกด้วย ดังนั้น เราไปดูกันก่อนเลยค่ะว่า แจกันแบบไหนจะเหมาะกับการใช้งานของคุณกันบ้าง
- เลือกจากวัสดุของแจกัน แจกันมักจะผลิตจากวัสดุหลากหลายชนิด ซึ่งจะเหมาะกับประเภทของดอกไม้ที่แตกต่างกันไป ทั้งยังให้ความรู้สึกและความสวยงามที่แตกต่างกัน ดังนี้
- แจกันแก้ว แจกันที่ทำมาจากแก้วเป็นแจกันที่หาซื้อได้ง่ายและราคาไม่แพง มักดีไซน์ให้แบบโปร่งแสงที่สามารถเห็นดอกไม้ได้ทั้งตัวก้าน เหมาะสำหรับห้องหรือบ้านที่มีพื้นที่จำกัด เพราะความโปร่งแสงจะทำให้ห้องดูโปร่งโล่งและสบายตา นอกจากนี้ แจกันแก้วยังมีน้ำหนักมาก จึงสามารถใส่ดอกไม้ขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักได้โดยไม่ต้องกังวลว่าแจกันจะล้มเลยค่ะ อย่างไรก็ตาม แจกันแก้วก็เป็นวัสดุที่แตกหักง่าย จึงควรหลีกเลี่ยงการวางในพื้นที่แคบ เนื่องจากแจกันอาจตกลงมาแตกได้
- แจกันเซรามิกหรือสโตนแวร์ แจกันเซรามิกหรือสโตนแวร์เป็นแจกันที่มีดีไซน์ให้เลือกหลากหลายแถมยังมีสีสันให้เลือกมากมาย จึงสามารถมองหาดีไซน์ที่เข้ากับห้องของเราได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ เซรามิกยังสามารถวาดลวดลายต่าง ๆ ลงไปได้ คุณจึงอาจเห็นดีไซน์ที่เป็นลายครามหรือลายหินอ่อนในราคาที่ไม่สูงมาก เหมาะสำหรับนำมาประดับตกแต่งบ้านเป็นอย่างยิ่ง ที่สำคัญ แจกันเซรามิกยังมีข้อดีคล้ายกับวัสดุแก้วตรงที่เป็นวัสดุที่มีน้ำหนักมาก จึงสามารถรองรับดอกไม้ขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักได้โดยไม่ต้องกลัวล้ม
- วัสดุอื่น ๆ นอกจากแก้วและเซรามิกแล้ว ยังมีวัสดุอื่น ๆ ที่นิยมนำมาทำเป็นแจกันอีกมากมาย เช่น เหล็ก อะลูมิเนียมและทองเหลือง ที่มีความแข็งแรงและทนทานมากโดยไม่ต้องกังวลเรื่องแตกหัก แถมยังให้ความรู้สึกที่หรูหรา เหมาะกับทั้งห้องสไตล์วินเทจและโมเดิร์น นอกจากนี้ แจกันที่ทำจากพลาสติกยังเป็นที่นิยมอย่างมาก เพราะมีน้ำหนักเบาและดูแลรักษาได้ง่าย แถมยังไม่ต้องกลัวเรื่องแจกันจะตกลงมาทำให้วัสดุแตกหัก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพลาสติกเป็นวัสดุน้ำหนักเบา จึงเหมาะสำหรับใส่ดอกไม้ขนาดเล็กหรือมีก้านบาง ๆ เพราะการใส่ดอกไม้ขนาดใหญ่อาจทำให้แจกันล้มลงมาได้
- เลือกขนาดและความสูงของแจกันให้เหมาะสมกับดอกไม้และพื้นที่จัดวาง แน่นอนว่า ยิ่งเราเลือกแจกันขนาดใหญ่มากก็จะยิ่งใส่ดอกไม้ได้มากขึ้นและทำให้แจกันของเราดูโดดเด่นสวยงาม แต่การเลือกขนาดของแจกันก็ควรคำนึงถึงสถานที่ที่เราจะนำไปจัดวางด้วย หากนำไปวางบนโต๊ะทำงานหรือชั้นวางของ การเลือกแจกันที่มีขนาดเล็กและทรงเตี้ยก็จะมีความเหมาะสมมากกว่า เพราะไม่เปลืองเนื้อที่และไม่เกะกะสายตา แต่ถ้าหากต้องการนำไปวางไว้บนโต๊ะกลางบ้านหรือโต๊ะอาหารขนาดใหญ่ ก็สามารถเลือกใช้แจกันที่มีขนาดใหญ่ได้เลย เพราะจะช่วยเพิ่มความโดดเด่นให้กับบ้านได้ นอกจากนี้ เรายังต้องคำนึงถึงขนาดดอกไม้ที่ต้องการจะนำมาใส่เช่นกัน เพื่อให้ดอกไม้ที่อยู่ในแจกันดูสวยงามและสมดุลมากยิ่งขึ้น หากเลือกใช้เป็นแจกันทรงเตี้ย ก้านดอกไม้ควรมีความยาวเป็น 1.5 – 2 เท่าของความกว้างแจกัน ส่วนการเลือกใช้แจกันทรงสูง แนะนำว่าก้านดอกไม้ควรมีความยาวที่ 1.5 – 2 เท่าของความสูงของแจกัน
- เลือกรูปทรงและดีไซน์ของแจกันให้เข้ากับการตกแต่งห้อง เนื่องจากแจกันที่วางจำหน่ายในท้องตลาดมีหลากหลายดีไซน์ การเลือกรูปแบบที่เข้ากับห้องก็จะยิ่งเพิ่มความสวยงามได้มากยิ่งขึ้น สำหรับห้องที่เป็นแนววินเทจ แนะนำให้เลือกแจกันที่ทำจากทองเหลืองหรือแก้วที่มีการสลักลายนูน แต่ถ้าหากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบของตกแต่งสไตล์โมเดิร์น ก็ควรเลือกแจกันที่ทำจากโลหะสีทองที่มีความเงา เพราะจะให้ความรู้สึกที่ดูทันสมัย นอกจากนี้ สำหรับสายมินิมอล ก็อาจจะเน้นแจกันที่มีรูปแบบเรียบง่ายหรือมีสีขาว สีดำและสีเทาเป็นหลัก
- เลือกสีของแจกันให้เข้ากับสีของดอกไม้เพื่อความสวยงาม
เพื่อให้บ้านและห้องของเราดูโดดเด่นและมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น การเลือกแจกันที่มีสีเข้ากับดอกไม้จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก โดยแจกันแต่ละสีก็จะเข้ากับสีของดอกไม้ที่แตกต่างกันดังนี้
- แจกันสีน้ำตาล : เข้ากับดอกไม้ที่มีสีแดง, สีชมพู, สีส้ม และสีเหลือง
- แจกันสีเขียว : เข้ากับดอกไม้โทนสีชมพู สีเขียวอ่อนหรือสีพาสเทล
- แจกันสีฟ้า : เข้ากับดอกไม้มีสีขาว สีฟ้าและสีเขียว
- แจกันสีน้ำเงิน : เข้ากับดอกไม้สีขาว สีม่วงและสีชมพู
แต่ถ้าหากเราต้องการเปลี่ยนชนิดของดอกไม้ไปเรื่อย ๆ และมีสีสันที่แตกต่างกันไป ก็แนะนำให้เลือกใช้แจกันสีขาวหรือแจกันแก้วโปร่งแสงที่สามารถเข้ากับดอกไม้ได้ทุกสีจะดีที่สุด
วิธีการเลือกดอกไม้
- เลือกดอกไม้ที่ชื่นชอบ ดอกไม้เป็นตัวแทนแห่งความสีสันสดใส การเลือกสีสันดอกไม้มาประดับ จะต้องเลือกสีดอกไม้ที่สวย โดดเด่น ควรเลือกดอกไม้สีสวยๆ เพียง 3 สีเท่านั้น โดย 2 สีแรกเป็นสีหลักที่เข้ากัน ตามด้วยโทนสีอ่อนอีก 1 สีเพื่อชูสีหลักให้โดดเด่นมากยิ่งขึ้น เลือกใช้ดอกไม้ที่คุณชอบแบบที่มีสีเข้ากัน ควรเลือกดอกไม้ที่ก้านชูดอก แข็งแรง ผิวก้านไม่แห้งหรือออกเหลือง ก้านใบยาว มีรอยตัดใหม่สด กลีบดอกไม่มีรอยช้ำ ไม่ร่วงหลุดง่าย ปลายกลีบไม่เหี่ยวเฉา เลือกใบไม้ให้ที่มีสีเขียวสดใส ไม่มีรอยฉีกขาดแหว่ง หรือหัก หากพบว่าดอกไม้สีใดหม่นหมอง เราไม่ควรหยิบมาจัดเป็นแจกันดอกไม้ เพราะจะทำให้ผู้พบเห็นหม่นหมองไปด้วย
- อย่าเลือกดอกไม้หลากชนิดมากจนเกินไป หลายๆ คนมีดอกไม้ที่ชื่นชอบ โปรดปรานหลายชนิด แต่การจะนำดอกไม้มาจัดแจกันหลายๆ ชนิด เยอะๆ ไม่ใช่วิธีที่ดีแน่ เราควรเลือกดอกไม้สัก 3 – 4 ชนิดก็เพียงพอแล้ว หากมีจำนวนดอกไม้มากว่านั้นอาจจะทำให้เกิดการขัดแย้งและรกรุงรังสายตามากจนเกินไป ดูอึดอัดและจัดออกมาไม่สวยอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่มีอะไรโดดเด่น แนะนำให้ซื้อดอกไม่กี่ชนิดแต่จำนวนหลายดอกมาจัดแต่งจะสวย น่ามองกว่าการเลือกซื้อดอกไม้หลากชนิดมาจัดแต่ง
- เลือกขนาดของดอกไม้ การเลือกขนาดของดอกไม้มาจัดแจกัน ควรมีดอกไม้ทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก สลับไล่เรียงกันไป เราแนะนำให้เพื่อนๆเลือกดอกไม้ขนาดใหญ่ไว้เป็นดอกหลักที่มีจุดเด่นขึ้นมา ตามด้วยดอกเล็กๆ หลายๆ ขนาด จะช่วยเสริมดอกไม้ขนาดใหญ่และแจกันดอกไม้ได้เป็นอย่างดี สวยงดงามตามธรรมชาติ
- เลือกดอกไม้ทั้งดอกบานและดอกตูมเข้าด้วยกัน หลายๆ คนมักเข้าใจผิดว่าเราจะต้องเลือกดอกไม้บานๆ มาจัดแจกันดอกไม้เพียงอย่างเดียว แต่ แต่ แต่! การจัดดอกไม้ให้สวยไม่ใช่แค่ดอกไม้ดอกบานๆเท่านั้น การประดับด้วยดอกตูมที่กำลังเบ่งบาน จะช่วยเสริมเพิ่มความมีเสน่ห์ให้กับแจกันดอกไม้มากขึ้นไปอีก เกิดความสมดุลด้วยตัวของมันเอง เสมือนทุ่งดอกไม้ที่คละไปด้วยดอกไม้หลายแบบหลากขนาดที่กำลังเบ่งบานทั้งดอกตูมสลับกับดอกไม้บาน
- เสริมความคูลด้วยใบไม้สีเขียว นอกจากดอกไม้สีสันสวยๆ หลายขนาดแล้ว หากเพื่อนอยากให้แจกันดอกไม้มีความสวยงาม สดใส โดดเด่นเข้าไปอีก ควรแซมด้วยใบไม้สีเขียวๆมาจัดแต่งแซมลงไปกับดอกไม้ด้วย เพราะสีเขียว บ่งบอกถึงความเป็นธรรมชาติ สบายตาเป็นที่สุด ช่วยลดอาการความเหนื่อยล้า ความเครียดให้แก่ผู้พบเห็นได้ ทำให้การจัดแจกันดอกไม้สวยครบองค์ประกอบ แฝงไปด้วยกลิ่นอายแห่งความสดชื่น สวยงามอย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น และช่วยให้การตกแต่งบ้านน่ามองมากขึ้นไปอีก
สรุป
แม้การเลือกแจกันจะดูเป็นเรื่องง่าย แต่ก็ยังมีสิ่งที่เราควรคำนึงถึงไม่น้อยเลยใช่ไหมล่ะคะ หวังว่าทุกคนคงจะได้ไอเดียในการเลือกแจกันจากวิธีการเลือกและ 10 อันดับ แจกันคุณภาพดีข้างต้นเพื่อไปประดับตกแต่งตามมุมต่าง ๆ ของบ้านให้สวยงามถูกใจกันบ้างแล้ว และก่อนจะจากกันไป เราก็อยากจะทิ้งท้ายอีกสักเล็กน้อยค่ะว่า สำหรับแจกันที่เป็นดีไซน์โปร่งแสง เมื่อใช้ไปนาน ๆ ก็อาจจะมีคราบตะไคร่หรือคราบสกปรกด้านในทำให้แจกันของเราดูไม่สดใส จึงแนะนำให้ทำความสะอาดโดยใช้เบกกิ้งโซดาและน้ำส้มสายชูผสมกับน้ำ และวางทิ้งไว้เพื่อให้คราบฝังแน่นคลายตัว จากนั้นจึงค่อยใช้แปรงเข้าไปทำความสะอาด เพียงเท่านี้แจกันของเราก็จะสะอาดสดใสเหมือนใหม่แล้ว และสุดท้ายนี้เราหวังว่า บทความ วิธีการเลือกแจกันดอกไม้ประดับบ้าน ให้คุณได้บ้านที่สวยงามสดชื่นและน่าอยู่ ด้วยสีสันแสนงดงาม เรื่องนี้ จะเป็นประโยชน์ให้กับเพื่อน ๆ ทุกคนนะครับ
