โคมไฟเพดาน อาจจะเป็นไอเทมที่ใคร ๆ หลายคนอยากมีไว้ในบ้านกันเป็นลำดับต้น ๆ เพราะนอกจากจะช่วยเพิ่มแสงสว่างให้ตัวบ้านได้เป็นวงกว้างแล้ว ยังเพิ่มความสวยงามหรูหรามีสไตล์ให้กับตัวบ้านได้ดีอีกด้วย ซึ่งในวันนี้เราก็จะมาพาทุกคนไปพบกับ บทความ สิ่งที่ควรต้องรู้ก่อนซื้อโคมไฟเพดานสำหรับแต่งบ้าน พร้อมวิธีการเลือกซื้อโคมไฟให้ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ของคุณ เรื่องนี้ เพื่อเป็นแนวทางสำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่อยากได้โคมไฟเพดาน ให้สามารถเลือกซื้อได้โดยที่ไม่ต้องคิดว่าเป็นเรื่องยุ่งยากอีกต่อไป
โคมไฟเพดานมีกี่ประเภท
- โคมไฟติดเพดาน : กลมกลืนไปกับการตกแต่งภายใน โคมไฟประเภทแรก คือ “โคมไฟติดเพดาน” ติดตั้งโดยการยึดติดกับเพดานห้องโดยตรง ตัวโคมมักจะมีความสูงไม่มากนัก เพื่อให้เรียบเนียนไปกับเพดานมากที่สุด อีกทั้งยังดูกลมกลืนไปกับการตกแต่งภายในห้องด้วย สำหรับเรื่องของดีไซน์นั้น ส่วนใหญ่จะถูกออกแบบให้เป็นวงกลมหรือสี่เหลี่ยม เพื่อให้กระจายแสงไปยังบริเวณต่าง ๆ ภายในห้องได้ดีและติดตั้งได้อย่างมั่นคง เหมาะสำหรับใช้งานในห้องหรือบริเวณที่มีความสูงไม่มากนัก เช่น ห้องน้ำ ห้องเก็บของ หรือภายในบ้านที่มีเพดานต่ำ
- โคมไฟแขวนเพดาน : เพิ่มความโดดเด่นด้วยดีไซน์ที่หลากหลาย สำหรับ “โคมไฟแขวนเพดาน” เป็นโคมไฟที่ตัวโคมไม่ได้ยึดติดกับเพดานโดยตรง แต่จะมีส่วนที่ยึดกับเพดานไว้แล้วมีสายไฟกับตัวโคมที่ห้อยลงมา ซึ่งมีดีไซน์ให้เลือกมากมาย ช่วยเพิ่มความโดดเด่นให้กับห้องได้เป็นอย่างดี เหมาะกับการใช้งานในห้องที่มีเพดานสูง เพราะเมื่อติดตั้งแล้ว ตัวโคมควรจะอยู่ระดับเหนือศีรษะ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการเดินชนนั่นเอง ดังนั้น หากคุณต้องการเลือกใช้โคมไฟประเภทแขวนนี้ อย่าลืมคำนึงถึงเรื่องความสูงของเพดานห้องอย่างละเอียดด้วยนะ
- แชนเดอเลียร์ โคมระย้า : ให้ความรู้สึกที่คลาสสิกและหรูหรา แชนเดอเลียร์ (Chandelier) หรือที่เรียกกันว่า โคมระย้า เป็นโคมไฟที่มีดีไซน์คลาสสิกและสวยหรู ให้ความรู้สึก Luxury ซึ่งส่วนใหญ่ผลิตจากคริสตัล อะคริลิก ทองแดง และเหล็ก โดยดีไซน์มาพร้อมเชิงเทียนหลายอัน และประดับด้วยคริสตัลเรียงกันหลาย ๆ เส้น แชนเดอเลียร์มักจะมีราคาค่อนข้างสูง เหมาะกับการแต่งบ้านสไตล์ยุโรป หรือสไตล์ร่วมสมัย หลาย ๆ บ้านนิยมนำมาตกแต่งในห้องที่กว้างและมีเพดานสูง เช่น ห้องรับแขก ห้องโถง หรือห้องรับประทานอาหาร เพื่อให้พื้นที่บริเวณนั้นเป็นจุดโฟกัส หรือดูโดดเด่นขึ้น
- โคมไฟราง : สร้างความโดดเด่น จัดแสงได้หลากหลาย โคมไฟราง (Track Lights) เป็นโคมไฟที่มีลักษณะเป็นรางติดดับเพดาน ตัวโคมส่วนใหญ่สามารถปรับทิศทางได้ นิยมใช้ในงานแสดงภาพนิทรรศการ สตูดิโอ หรือบ้านที่มีภาพแขวนบนกำแพง เพื่อทำให้ภาพวาดหรือสิ่งของดูโดดเด่น นอกจากนี้ ยังเหมาะกับการนำมาติดตั้งในห้องนั่งเล่นหรือโถงทางเดิน เพื่อทำให้ห้องดูมีมิติของแสงมากขึ้น เนื่องจากสามารถปรับทิศทางแสงได้หลากหลาย เราจึงจัดแสงได้ตามต้องการ
วิธีการเลือกโคมไฟเพดาน
- หลังจากที่ได้รู้จักโคมไฟเพดานแต่ละชนิดไปแล้ว เราไปดูวิธีการเลือกโคมไฟเพดานกันบ้างดีกว่าว่าจะต้องคำนึงถึงส่วนไหนเป็นหลักบ้าง
- เลือกวัสดุตามสไตล์การตกแต่งโคมไฟเพดาน เนื่องจากโคมไฟเพดานเป็นส่วนหนึ่งของการตกแต่งภายในบ้านหรืออาคารต่าง ๆ ดังนั้น จึงควรเลือกวัสดุให้เข้ากับเฟอร์นิเจอร์หรือสไตล์การตกแต่งที่คุณต้องการ โดยสามารถแยกประเภทของวัสดุออกได้ดังนี้
- โคมไฟแก้ว : โปร่งใส สุดคลาสสิก”แก้ว” เป็นวัสดุชนิดหนึ่งที่นิยมนำมาทำเป็นโคมไฟ เนื่องจากมีความโปร่งใส จึงสามารถกระจายแสงสว่างได้ดี เพิ่มความสว่างให้กับห้อง มักจะถูกออกแบบอย่างเรียบง่ายด้วยรูปทรงโค้งมน จึงมอบความคลาสสิกเหนือกาลเวลาให้กับห้องของคุณได้ นิยมนำไปใช้ตกแต่งในห้องน้ำ ห้องทำงาน รวมถึงห้องโถง หรือในบริเวณที่ต้องการแสงสว่างทั่วทั้งห้อง
- โคมไฟพลาสติก : มีน้ำหนักเบา ดูทันสมัย โคมไฟที่ทำจาก “พลาสติก” เป็นวัสดุที่จะพบเห็นได้บ่อยที่สุด เนื่องจากมีน้ำหนักเบาจึงเหมาะสำหรับติดหรือแขวนเพดาน อีกทั้งยังสามารถออกแบบให้มีรูปทรงหรือลวดลายที่หลากหลายได้ตามต้องการ ส่วนมากจะเป็นสไตล์โมเดิร์น ดูทันสมัย ใช้ตกแต่งภายในได้อย่างลงตัว เพราะสามารถเข้ากับเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ภายในบ้านได้ง่าย นอกจากนี้ ยังทำความสะอาดได้ง่ายอีกด้วย
- โคมไฟเหล็ก : แข็งแรงทนทาน สไตล์วินเทจ หากคุณชื่นชอบการตกแต่งสไตล์วินเทจ เราขอแนะนำให้เลือกโคมไฟเพดานที่ผลิตจาก “เหล็ก” หรือโลหะชนิดอื่น ๆ เช่น อะลูมิเนียม สแตนเลส สังกะสี เป็นต้น วัสดุเหล่านี้จะมอบความรู้สึกดิบ ๆ เท่ ๆ ดูมีสไตล์ ราวกับอยู่ในโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในขณะนี้ อีกทั้งยังมีความแข็งแรงทนทาน ใช้งานได้ยาวนาน เหมาะกับการตกแต่งภายในแบบ Loft เป็นอย่างยิ่งเลย
- โคมไฟไม้ : มอบความรู้สึกอบอุ่น เป็นกันเอง “ไม้” เป็นวัสดุจากธรรมชาติที่นำมาทำโคมไฟ โดยใช้วิธีการสานจึงมีช่องว่างเล็ก ๆ จำนวนมาก เพื่อให้แสงสว่างจากหลอดไฟส่องผ่านตัวโคมออกมา โดยจะมอบความรู้สึกอบอุ่นและเป็นกันเอง เพราะเป็นแสงอ่อน ๆ ที่มาพร้อมกับเงาบาง ๆ จากลวดลายบนตัวโคม เหมาะสำหรับใช้ประดับในห้องนั่งเล่น โต๊ะอาหาร รวมถึงร้านกาแฟ ที่ต้องการบรรยากาศแบบใกล้ชิดธรรมชาติและดูผ่อนคลายยิ่งขึ้น
- เลือกขนาดและน้ำหนักของโคมไฟเพดานให้เหมาะสมกับพื้นที่ อีกหนึ่งสิ่งที่ควรพิจารณาก่อนซื้อโคมไฟเพดาน คือ การเลือกขนาดและน้ำหนักของโคมไฟให้เหมาะสมกับพื้นที่ที่จะทำการติดตั้งเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากพื้นที่ภายในห้องมีขนาดไม่กว้างมากควรหลีกเลี่ยงโคมไฟที่มีขนาดใหญ่จนเกินไป เพราะจะทำให้ได้รับแสงที่สว่างเกินความจำเป็นและยังส่งผลให้รู้สึกไม่สบายดวงตาด้วย นอกจากนี้ การเลือกขนาดของโคมไฟเพดาน ต้องคำนึงถึงความสูงของเพดานด้วย โดยทั่วไปเพดานมักจะมีความสูงไม่ต่ำกว่า 2.4 m เราขอแนะนำให้พิจารณาเลือกจากโคมไฟที่มีความสูงเมื่อวัดจากพื้นถึงปลายโคมไฟแล้วต้องมีระยะอยู่ระหว่าง 1.8 – 2 m และหากเป็นการติดตั้งบริเวณโต๊ะอาหารที่มักจะเป็นประเภทแขวนเพดานแล้วนั้น ตัวโคมควรจะอยู่สูงจากโต๊ะประมาณ 80 cm สำหรับน้ำหนักของโคมไฟก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรจะมองข้ามเช่นกัน เนื่องจากจะต้องถูกติดตั้งบนเพดานหรือฝ้า ดังนั้น จำเป็นที่จะต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่า เพดานของคุณมีความแข็งแรงและมั่นคงเพียงพอที่จะรองรับน้ำหนักของโคมไฟได้หรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โคมไฟที่ทำจากแก้วและเหล็ก ซึ่งจะมีน้ำหนักที่ค่อนข้างเยอะกว่าวัสดุชนิดอื่น ๆ
- เลือกโดยการตรวจสอบว่าโคมไฟเพดานใช้งานร่วมกับหลอดไฟชนิดใด แน่นอนว่าโคมไฟต้องใช้งานร่วมกับหลอดไฟ ดังนั้น จึงควรตรวจสอบก่อนว่า โคมไฟเพดานที่คุณถูกใจนั้นสามารถใช้งานร่วมกับหลอดไฟชนิดใด แนะนำให้อ่านรายละเอียดสินค้าอย่างรอบคอบ เพราะหลอดไฟที่ใช้ร่วมกันได้นั้น อาจจะแตกต่างกันไปตามโคมไฟแต่ละรุ่น ซึ่งจะมีคำแนะนำระบุไว้ ทั้งประเภทของหลอดไฟ ชนิดของขั้วหลอด รวมถึงสีของหลอดไฟด้วย เพื่อให้คุณได้รับแสงสว่างที่เหมาะสมที่สุดและตรงตามสไตล์การตกแต่งที่ต้องการอีกด้วย นอกจากนี้ ปัจจุบันยังมีโคมไฟแบบสำเร็จรูปให้เลือกซื้อ ซึ่งมีลักษณะเป็นโคมไฟเพดานที่มาพร้อมหลอดไฟภายในตัว คุณจึงไม่จำเป็นต้องไปหาซื้อหลอดไฟแยกให้ยุ่งยากเลย ถือว่าสะดวกสำหรับมือใหม่และผู้ที่ไม่มีความรู้ด้านช่างไฟฟ้ามากนัก จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจทีเดียว
แนะนำเทคนิคติดตั้งโคมไฟเพดาน
- หลายคนที่ซื้อโคมไฟเพดานประเภทแชนเดอเลียร์ หรือโคมไฟแบบแขวนมา และอาจกำลังสงสัยอยู่ว่าควรติดตั้งโคมไฟสูงแค่ไหนจึงจะเหมาะสม ซึ่งวันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับการติดตั้งโคมไฟเพดานให้ทราบกัน
- ห้องครัว สำหรับห้องครัวที่มีเคาน์เตอร์หรือโต๊ะกลางห้อง แนะนำว่าควรเว้นระยะห่างระหว่างปลายโคมไฟกับเคาน์เตอร์ประมาณ 30-36 นิ้ว และหากต้องการติดตั้งโคมไฟหลายตัว ควรมีระยะห่างด้านข้างระหว่างกันอย่างน้อย 30 นิ้ว เพื่อให้อากาศถ่ายได้เทสะดวก และแสงสว่างกระจายได้อย่างทั่วถึง สำหรับโคมไฟแขวนที่มีลักษณะยาว ความยาวในการติดตั้งโคมไฟไม่ควรเกิน 2/3 ของความยาวเค้าเตอร์หรือโต๊ะ
- ห้องรับประทานอาหาร ควรเว้นระยะห่างระหว่างปลายโคมไฟกับโต๊ะรับประทานอาหารประมาณ 30-36 นิ้ว โดยความกว้างของโคมไฟควรแคบกว่าความแคบของโต๊ะอย่างน้อย 6 นิ้ว สำหรับโต๊ะที่มีทรงกลมให้เว้นระยะห่างระหว่างปลายโคมไฟเหมือนกับโต๊ะทรงสีเหลี่ยมผืนผ้า แต่โคมไฟควรที่มีขนาด 1/2 หรือ 3/4 ของเส้นผ่านศูนย์กลางรอบโต๊ะรับประทานอาหาร
- ส่วนบริเวณทั่วไป เช่น ห้องโถง ห้องรับแขก หรือทางเดิน ควรเว้นระยะห่างระหว่างปลายโคมไฟกับพื้นประมาณ 2 เมตรครึ่ง และควรติดตั้งให้ห่างจากผนังห้อง 1 เมตรครึ่ง
สรุป
แล้วก็จบลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ บทความ สิ่งที่ควรต้องรู้ก่อนซื้อโคมไฟเพดานสำหรับแต่งบ้าน พร้อมวิธีการเลือกซื้อโคมไฟให้ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ของคุณ เรื่องนี้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้กับเพื่อน ๆ ทุกคนที่ได้เข้ามาอ่านในครั้งนี้นะครับ ส่วนครั้งต่อไปเราจะพาทุกคนไปดูเหล่าโคมไฟเพดานรุ่นยอดนิยมกันครับ ห้ามพลาดเลย