
บ้านน็อคดาวน์คืออะไร “บ้านน็อคดาวน์” (Prefabricated house หรือ Modular house) คือบ้านสำเร็จรูปที่มักจะสร้างมาจากวัสดุที่นำมาต่อประกอบหรือก่อสร้างอย่างง่าย ๆ อาจใช้เวลาเพียงไม่กี่วันในการประกอบแล้วก็สามารถเข้าอยู่ได้เลย สังเกตได้ว่าจะเป็นบ้านหลังเล็ก ๆ ที่ใช้เป็นสำนักงานชั่วคราว ออฟฟิศ ร้านกาแฟ ร้านค้า หรือใช้เป็นบ้านที่อยู่อาศัยได้เลยก็มี ซึ่งบ้านน็อคดาวน์นั้นสามารถมีอายุได้ถึง 50 ปีเลยทีเดียว ในกรณีที่ใช้วัสดุก่อสร้างที่มีคุณภาพ โครงสร้างบ้านที่แข็งแรง ตั้งอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี ไม่มีภัยพิบัติจากธรรมชาติ ไม่มีปลวกและแมลงอื่น ๆ รบกวนและมีการดูแลรักษาที่ดี บ้านน็อคดาวน์นั้นนิยมกันมานานแล้วในญี่ปุ่นและบางประเทศในทวีปยุโรป ซึ่งหัวข้อต่อไปนี้จะพูดถึงบ้านน็อกดาวน์ที่เป็นที่นิยมในปี 2021 มีรูปตัวอย่างบ้านน็อคดาวน์สวยๆ และมีข้อมูลอธิบายถึงลักษณะบ้านน็อกดาวน์ว่าแตกต่างจากบ้านประเภทอื่นอย่างไร
หลายคนยังไม่เคยทราบมาก่อนว่าบ้านน็อคดาวน์ก็มีหลายแบบหลายสไตล์เหมือนบ้านหลังใหญ่เลย แต่โดยส่วนมากเรามักจะเห็นแค่ไม่กี่แบบเท่านั้น เช่น แบบทรงไทยหรือเรือนไทย แบบตู้คอนเทนเนอร์ เป็นต้น หากใครอยากรู้ว่าบ้านน็อคดาวน์มีกี่ประเภทแล้วมีประเภทไหนอีกบ้าง เรามีรูปแบบบ้านน็อคดาวน์สวยๆ มาให้ดูกัน
เชื่อว่าหลายคนรู้จักและผ่านตาบ่อยมากกับบ้านทรงนี้ ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบร้านกาแฟ รีสอร์ท บังกะโล สปา เป็นต้น บ้านทรงไทยนี้มีความเป็นเอกลักษณ์ไทยสูง เห็นแล้วสามารถแยกประเภทได้เลยว่าเป็น บ้านน็อคดาวน์ในแบบ “ไทยสไตล์” ส่วนวัสดุที่ใช้จะเป็นไม้เนื้อแข็ง เช่น ไม้สัก ไม้สักทอง ไม้มะค่า หรือวัสดุทดแทนไม้ที่มีคุณสมบัติทนต่อปลวกหรือแมลงกินเนื้อไม้ จะทำให้บ้านมีความแข็งแรง คงทน อยู่ได้อีกนาน
ตัวบ้านถูกออกแบบให้ดูทันสมัย สามารถตกแต่งทั้งภายในและภายนอกได้หลายสไตล์ เข้ากันได้ดีกับเฟอร์นิเจอร์หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นไม้ ปูน คอนกรีต เหล็ก ก็เข้ากันได้หมด ซึ่งรูปแบบโมเดิร์นนั้นมักจะเน้นในการใช้สอยเป็นหลัก ทำให้บ้านทรงนี้เป็นที่ต้องการของตลาดมาก
เป็นอีกหนึ่งแบบที่นิยมสร้างทำเป็นรีสอร์ทในแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ทั้งจุดชมวิว ป่าเขา ริมธาร กลางสวน เป็นต้น ซึ่งวัสดุที่ใช้จะเน้นไปทางวัสดุที่สามารถหาได้ในธรรมชาติ เช่น ไม้ ดิน ก้อนหิน เป็นต้น วัตถุประสงค์หลักนั้นต้องการให้ผู้พักอาศัยซึมซับกับบรรยากาศท่ามกลางธรรมชาติและให้ความรู้สึกกลมกลืนไปกับธรรมชาติมากที่สุด
หรือจะเรียกว่า แบบโคโลเนียลก็ได้ ถ้าเทียบกับคนก็คงเป็นลูกครึ่งไทยครึ่งฝรั่ง บ้านทรงนี้จะได้กลิ่นอายความเป็นตะวันตกกว่าแบบอื่น มีการตกแต่งด้วยลวดลาย สวย หรูหรา คลาสสิคไม่เหมือนใคร
อีกหนึ่งสไตล์ที่ได้รับความนิยมมายาวนาน เป็นการนำเอาสไตล์ของบ้านที่นิยมในอดีตมาก่อสร้างโดยใช้วัสดุที่ทันสมัยยุคปัจจุบัน ด้วยลักษณะภายนอกที่ดูเรียบง่าย สบายตา ทำให้บ้านสไตล์นี้ยังดูสวยต่อไปเรื่อย ๆ ในทุกยุค
จากที่ได้ทราบกันแล้วว่าบ้านน็อคดาวน์ที่นิยมสร้างนั้นมีรูปแบบไหนและสไตล์ไหนบ้าง ก็จะมาเป็นคำถามที่ว่าบ้านน็อคดาวน์ซื้อแล้วเอาไปทำอะไรได้บ้าง เอาไปทำอะไรดี ทำร้านได้ไหม? ทำเป็นสำนักงานได้ไหม? หรือทำเป็นที่อยู่อาศัยได้ไหม? คำตอบคือ ได้ทั้งหมด อยู่ที่ว่าคุณจะนำไปทำอะไร แต่ก็จะมีข้อจำกัดบางอย่างที่ไม่สามารถทำได้ เช่น หากอยากต่อเติม ดัดแปลง เปลี่ยนจากบ้านเป็นร้าน เปลี่ยนจากร้านเป็นออฟฟิศ การต่อเติมมากเกินไปก็จะทำไม่ได้เหมือนบ้านก่ออิฐ ขอแนะนำว่าถ้าเราซื้อมาเพื่อวัตถุประสงค์ใดให้ใช้เพื่อจุดประสงค์นั้นไปเลยดีกว่า ว่าแล้วก็มาดูกันเลยว่าบ้านน็อคดาวน์ซื้อแล้วเอาไปทำอะไรได้บ้าง
หลายคนอ่านแล้วถึงกับพยักหน้าเลยทีเดียว เพราะร้านกาแฟ คาเฟ่ ร้านอาหารหลายร้านก็ใช้บ้านน็อคดาวน์มาทำธุรกิจ เนื่องมาจากราคาถูก สร้างเสร็จเร็ว บางครั้งไปเลือกดูแล้วถูกใจ จ่ายเงินเสร็จยกมาใช้งานได้เลยในวันนั้นก็มี ทำให้สามารถเริ่มธุรกิจได้เร็ว
นอกจากจะทำเป็นร้านกาแฟ ร้านอาหารแล้ว บางบริษัทและบางธุรกิจก็เลือกใช้บ้านน็อคดาวน์เป็นสถานที่ทำงานทั้งชั่วคราวและถาวร และหลายคนยังไม่ทราบว่าตู้คอนเทนเนอร์ที่เราเห็นกันส่วนใหญ่ก็ถือเป็นบ้านน็อคดาวน์ประเภทหนึ่งเช่นกัน เนื่องจากความรวดเร็วในการประกอบและเคลื่อนย้ายได้
บ้านน็อคดาวน์สามารถอยู่อาศัยได้ทั้งชั่วคราวและถาวร ตัวอย่างของการอยู่อาศัยชั่วคราวคือการทำบ้านพักบังกะโล รีสอร์ท สปา หากอยู่อาศัยถาวรจำเป็นต้องเลือกใช้วัสดุที่แข็งแรง ทนทานขึ้นมาอีกหลายระดับ เช่น การเสริมคาน เสริมเสาเข็มให้แข็งแรงกว่าเดิม แต่ต้องทำใจก่อนว่าบ้านน็อคดาวน์นั้นจะมีอายุการใช้งานที่สั้นกว่าบ้านทั่วไป ซึ่งบ้านน็อคดาวน์จะมีอายุการใช้งานเฉลี่ยที่ 50 ปี หากดูแลดี ใช้วัสดุที่ดี มีโครงสร้างที่ดีและองค์ประกอบปัจจัยอื่น ๆ
บ้านน็อคดาวน์ งบ 50000 มีจริงหรือ? คำตอบคือ มีจริง ๆ เราสามารถมีบ้านเป็นของตัวเองได้โดยงบหลักหมื่นในขนาดพื้นที่ 3x3 เมตร ราคานี้คือรวมวัสดุกรอบประตู กรอบหน้าต่าง สร้างพร้อมเข้าอยู่ได้จริง หรือหากใครมีงบเพิ่มขึ้นมาหน่อยก้สามารถเพิ่มเติมพื้นที่หรือเลือกเกรดวัสดุกันได้มากขึ้น ส่วนใหญ่จะมีราคาตั้งแต่ 50,000 – 1,000,000 บาทขึ้นไป แบบไม่รวมที่ดิน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผู้รับเหมาหรือบริษัทนั้นด้วย
หลังนี้ราคา 50,000 บาท
หลังนี้ราคา 100,000 บาท
หลังนี้ราคา 450,000 บาท
หลังนี้ราคา 1,000,000 บาท
เคยสงสัยกันไหมว่าทำไมบ้านน็อคดาวน์ถึงมีน้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายได้ แต่แข็งแรงอยู่ได้หลายสิบปี ในหัวข้อนี้เราจะมาไขข้อสงสัยกันว่าอะไรคือจุดเด่นที่ทำให้บ้านน็อคดาวน์มีน้ำหนักเบาจนสามารถเคลื่อนย้ายได้ทั้งหลัง (การเลือกใช้วัสดุเหล่านี้ขึ้นอยู่กับราคาของบ้านน็อคดาวน์หรือการเลือกใช้ของผู้รับเหมา/บริษัทนั้น ๆหรือความต้องการของผู้ซื้อ)
โครงสร้างบ้านน็อคดาวน์จะใช้เหล็กเป็นโครงสร้างหลัก ซึ่งวัสดุที่ใช้สำหรับทำโครงสร้าง ก็จะมีโครงเหล็กรูปพรรณ โครงเหล็กชุบสังกะสีและโครงไม้เนื้อแข็ง ส่วนเสามักจะใช้เหล็กกาวาไนส์ไร้สนิม
จะใช้วัสดุที่มีน้ำหนักเบา แข็งแรง ทนความร้อนได้ เช่น ไม้อัด ยิปซัม แผ่นเหล็กอัดด้วยโฟม สมาร์ทบอร์ด ไม้เฌอร่า มาทำเป็นผนัง โดยเฉพาะสมาร์ทบอร์ดมีคุณสมบัติใกล้เคียงหรือเทียบเท่ากับผนังที่ก่อด้วยอิฐ ทั้งแข็งแรง ระดับการกันเสียง ทนแดด ทนฝนและกันความร้อน แต่ดีกว่าอิฐตรงที่เบากว่าถึง 6 เท่า
จุดเด่นทั้ง 2 เรื่องนี้เองที่ทำให้บ้านน็อคดาวน์มีน้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายได้ จะถอดและประกอบใหม่ได้แบบไม่เสียหาย ทั้งยังแข็งแรงทนทานนานเป็นสิบ ๆ ปีเลยทีเดียว
หลายคนเกิดคำถามนี้ขึ้นในใจ ระหว่างบ้านน็อคดาวน์กับบ้านทั่วไปแบบก่ออิฐนั้นแตกต่างกันอย่างไร สำหรับบ้านน็อคดาวน์นั้นเหมาะกับผู้ที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว มีงบประมาณ พื้นที่และระยะเวลาการดำเนินการก่อสร้างค่อนข้างจำกัด ต่างจากบ้านทั่วไปที่ต้องการอยู่อาศัยถาวรในระยะยาว วัสดุ โครงสร้างที่แข็งแรงคงทน ใช้เวลาในการอยู่อาศัยไปอีกหลายสิบปี และยังสามารถต่อเติม ดัดแปลง ทุบ ขุด เจาะได้อีกด้วย รวมถึงบ้านแบบก่ออิฐนั้นอาจจะพบปัญหาในการก่อสร้างที่หน้างานได้ เช่น วัสดุยังส่งมาไม่ถึงที่ไซต์งาน ทำให้ระยะเวลาการทำงานต้องเลื่อนออกไป รวมถึงปัญหาจากแรงงาน คนงานก่อสร้างอีกด้วย ทั้งนี้การที่จะเลือก “บ้านน็อคดาวน์” หรือ “บ้านก่ออิฐทั่วไป” นั้นก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาย ๆ อย่าง เช่น งบประมาณ ระยะเวลาในการก่อสร้าง การตัดสินใจของครอบครัวหรือผู้ที่มีส่วนในการตัดสินใจ เป็นต้น
เงื่อนไข | บ้านน็อคดาวน์ | บ้านทั่วไป(ก่ออิฐ) |
ระยะเวลาการก่อสร้าง | 7 – 30 วัน | 180 – 365 วัน |
การจำกัดงบประมาณ | – ทราบราคาก่อนตัดสินใจซื้อ | – งบประมาณการก่อสร้างควบคุมได้ยาก |
ความคงทน แข็งแรง | ขึ้นอยู่กับโครงสร้างบ้าน วัสดุและการออกแบบทางวิศวกรรม | แข็งแรงสามารถอยู่อาศัยได้ยาวนาน |
การต่อเติม/ดัดแปลง | ไม่สามารถต่อเติมหรือดัดแปลงได้ | ต่อเติม แก้ไข ทุบ ก่อสร้างเพิ่มเติม ดัดแปลงได้ |
คุณภาพของการก่อสร้าง | ขึ้นอยู่กับโรงงานและผู้รับเหมาซึ่งจะมาจากโรงงานและผู้รับเหมาเดียวกัน ทำให้คุณภาพออกมาใกล้เคียงกัน | ขึ้นอยู่กับผู้รับเหมาอย่างเดียว บ้านแต่ละหลังจึงมีคุณภาพที่อาจใกล้เคียงกันหรือแตกต่างกันมาก |
อายุการใช้งานเฉลี่ย | 50 ปี | 100 ปีขึ้นไป |
มาถึงข้อดีข้อเสียกันบ้าง สำหรับบ้านน็อคดาวน์นั้นจุดเด่นจริง ๆ คือ ความรวดเร็วในการก่อสร้างไปจนถึงการเข้าอยู่ ราคาถูกและสามารถเคลื่อนย้ายได้ เพราะในประเทศที่นิยมกันมานานอย่าง ญี่ปุ่น หรือประเทศในแถบยุโรปนั้น เกิดแผ่นดินไหวกับภัยธรรมชาติอยู่บ่อยครั้ง ทำให้บ้านน็อคดาวน์เป็นที่นิยม เนื่องจากประกอบได้รวดเร็ว วัสดุหาได้ง่าย ราคาถูก มีความแข็งแรงเทียบเคียงได้กับบ้านทั่วไป
ข้อดี | ข้อเสีย |
1. ใช้เวลาก่อสร้างเพียงไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์ก็สามารถเข้าอยู่ได้เลย | 1. วัสดุที่ใช้ประกอบมีอายุการใช้งานไม่ยาวนานเท่าบ้านที่ก่อด้วยอิฐ ปูนหรือบ้านทั่ว ๆ ไป 2. ไม่เหมาะต่อการต่อเติมหรือดัดแปลง |
อย่างที่กล่าวไปว่าบ้านน็อคดาวน์นั้นมีอายุเฉลี่ยในการใช้งานอยู่ที่ 50 ปี ซึ่งบ้านสำเร็จรูปแบบนี้จะไม่ได้คงทนแข็งแรงเท่าบ้านที่ก่อด้วยอิฐ เนื่องมาจากวัสดุที่มีอายุการใช้งานที่ค่อนข้างสั้น จึงไม่ควรทำเป็นที่อยู่อาศัยถาวรได้ แต่เราสามารถยืดระยะเวลาในการใช้งานออกไปได้ โดยการดูแลรักษาอย่างถูกวิธีและตรวจเช็คสภาพให้บ่อยครั้ง หมั่นทำความสะอาดก็จะช่วยลดอัตราการเสื่อมของวัสดุได้มาก รวมถึงการเลอกซื้อเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้าน ไม่ควรใช้วัสดุที่มีน้ำหนักมากเกินไป และไม่ควรซื้อของเข้ามาไว้ในบ้านเยอะ เพราะจะเป็นการเพิ่มน้ำหนักให้กับบ้านและมีผลต่อโครงสร้างพื้น โครงสร้างบ้านอีกด้วย
ด้วยลักษณะของบ้านน็อคดาวน์นั้นค่อนข้างที่จะมีข้อจำกัดในการตกแต่งและต่อเติมเยอะอยู่พอสมควร ดังนั้นเราจึงควรทำอย่างระมัดระวังมากเป็นพิเศษ โดยมีเคล็ดลับและเทคนิคดังนี้
ข้อจำกัดแรก ๆ เลยของบ้านประเภทนี้ คือ พื้นที่ เราควรวางแปลนของบ้านให้ชัดเจน แบ่งโซนให้ดี ห้องรับแขกควรอยู่ตรงประตูบ้าน ห้องครัวควรอยู่หลังบ้านจะได้ไม่มีกลิ่นอาหารรบกวน เป็นต้น
เนื่องจากวัสดุที่ใช้ทำบ้านน็อคดาวน์มีความเปราะบางมาก และเป็นจุดที่รองรับน้ำหนักส่วนใหญ่ของบ้าน ทำให้การตอก ทิ่ม เจาะ แขวนต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะอาจกระทบต่อโครงสร้างบ้านได้ ถ้าต้องการตกแต่งจริง ๆ ควรหลีกเลี่ยงการเจาะหรือการตอกตะปู ใช้เป็นการนำเทปกาวมาแปะดีกว่า และไม่ควรแขวนของที่หนักจนเกินไป
อย่างที่กล่าวไปในข้อ 1 แล้วนั้น พื้นที่ในบ้านค่อนข้างเล็ก หากมีการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีขนาดใหญ่และมีการใช้ของตกแต่งที่ใหญ่เต็มพื้นที่ จะทำให้ห้องดูเล็ก แคบ อึดอัด อยู่ไม่สบาย ที่สำคัญอาจเกิดปัญหาในเรื่องของน้ำหนักซึ่งจะส่งผลกระทบต่อตัวบ้านด้วย
ควรจัดระเบียบสายไฟและสายอินเตอร์เน็ตให้ดี เนื่องจากจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ เช่น เดินสะดุดล้ม หรือมีการเสียดสีจากสิ่งของบริเวณรอบสายไฟ จนสายไฟเกิดชำรุดเป็นเหตุให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรหรือไฟช็อต ทำให้เสียทรัพย์สินหรือเสียชีวิตได้ นอกจากนี้ยังทำให้บ้านดูเป็นระเบียบเรียบร้อย สะอาดตา น่าอยู่อีกด้วย
การเปิดหน้าต่างหรือเปิดห้องเพื่อรับแสงแดดส่องเข้ามานั้นทำให้อากาศถ่ายเท ห้องไม่เหม็นอับ ไม่เป็นเชื้อรา และยังทำให้ห้องดูสว่างขึ้นอีกด้วย
บ้านน็อคดาวน์ก็ตกแต่งตามหลักฮวงจุ้ยได้นะ มาดูกันเลย
– ครึ่งปีแรกนั้นต้องให้ตัวบ้านเปิดรับลมรับทรัพย์ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
– ครึ่งปีหลังถึงจะเปิดรับลมรับทรัพย์ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้
– ควรเปิดประตูหน้าต่างในช่วงเช้าหรือทั้งวันเพื่อรับทรัพย์ ให้ลมพัดผ่านเข้าบ้านถือว่ามีโชค
– มีแสงส่องเข้าผ่านหน้าต่างเพื่อรับพลังหยาง
– ถ้าอยากเสริมในเรื่องโชคลาภให้ใช้ สีเขียว น้ำตาล ส้ม น้ำเงิน เหลืองอ่อน
– ถ้าอยากเสริมเรื่องการเงิน ใช้สีแดง สีส้ม สีม่วง ชมพู
– ควรเสริมน้ำพุเป็นของตกแต่งบ้าน เพราะน้ำพุช่วยในเรื่องของความมั่งคั่ง
– ปลูกต้นไม้ ทำสวนบริเวณรอบบ้าน จะช่วยเสริมเรื่องความเจริญรุ่งเรืองในเรื่องต่าง
เมื่อได้ตัดสินใจจะสร้างหรือซื้อบ้านน็อคดาวน์แล้วนั้น สิ่งต่อมาคือเราจะต้องเตรียมตัว เตรียมพื้นที่อย่างไรบ้าง มาดูกันเลย
อันดับแรกนี้เป็นการเลือกที่ ๆ จะวางและสร้างบ้านน็อคดาวน์ตามวัตถุประสงค์ของเรา หากต้องการที่อยู่อาศัยก็สามารถสร้างตามความต้องการได้เลย หากต้องการสร้างร้านค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ควรให้อยู่ติดกับถนน มีการเดินทางที่สะดวก หรือหากต้องการสร้างเป็นออฟฟิศ สำนักงาน ควรติดถนนด้วยเช่นกัน และที่สำคัญเพื่อไม่ให้เสียเวลาในการเข้าอยู่/ใช้งาน ควรสำรวจระบบไฟฟ้า น้ำประปาว่าพร้อมใช้ในบริเวณนั้นหรือไม่
สำหรับบ้านน็อคดาวน์นั้นจะมีทั้งแบบก่อสร้างเสร็จแล้วสามารถยกไปตั้งได้เลย หรือแบบ Modular คือการสั่งโรงงานผลิตและนำไปประกอบที่หน้างาน ถ้าเป็นแบบแรกให้แน่ใจก่อนว่าพื้นที่ที่ต้องการลงบ้านนั้นพร้อมแล้วหรือไม่ หากพร้อมแล้วสามารถติดต่อผู้รับเหมาหรือบริษัทมาติดตั้งได้เลย หากยังไม่พร้อมสามารถนัดวันหรือเวลาในการติดตั้งได้ หากพื้นที่หน้างานไม่เรียบร้อยหรือไม่สามารถติดตั้งได้อาจมีค่าใช้จ่ายในการขนส่งหรือแรงงานเพิ่มเติมได้ หลังจากที่เลือกรูปแบบและสไตล์เสร็จแล้วนั้นให้ทำการตกลงและทำสัญญากับทางบริษัทรับเหมาได้เลย
หลังจากที่ตกลงเจรจากับทางบริษัทหรือผู้รับเหมาสร้างบ้านน็อคดาวน์แล้ว ในกรณีที่ตกลงนัดวัน/เวลาส่งมอบค่อนข้างนานหรือเลือกแบบ Modular นั้นเราก็จะมีเวลาในการเตรียมพื้นที่ตั้งวางนานกว่าส่งแบบทันที ซึ่งหากในพื้นที่มีต้นไม้ ก้อนหิน ขยะ บ่อน้ำ อาจทำคนเดียวไม่ได้ จำเป็นต้องจ้างผู้รับเหมามาทำการปรับหน้าดิน อาจจะตัด/ขุดต้นไม้ออก ถมบ่อน้ำ ถมดิน ปรับหน้าดินให้เสมอกัน และควรถมดินทิ้งไว้ 6 เดือน เพื่อลดปัญหาจากการทรุดตัวของดิน ติดต่อบริษัทหรือผู้รับเหมาที่ขาย/สร้างบ้านน็อคดาวน์ว่าจำเป็นต้องลงเสาเข็มหรือไม่ (สำหรับบ้านขนาดใหญ่ควรลงเสาเข็มเพื่อความแข็งแรงของบ้านและความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย) ในขั้นตอนนี้หากมีการลงเสาเข็มจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
สำหรับใครที่กำลังมองหาแปลนบ้านน็อคดาวน์อยู่ เรามีแบบบ้านแจกให้ฟรี สามารถนำไปให้ผู้รับเหมาก่อสร้างกันได้เลย
แบบที่ 1 ขนาด 123 ตร.ม.
1 ห้องนั่งเล่น
1 ห้องครัว
2 ห้องน้ำ
3 ห้องนอน
1 ห้องอเนกประสงค์
แบบที่ 2 ขนาด 73 ตร.ม.
1 อเนกประสงค์
1 ห้องน้ำ
2 ห้องนอน
แบบที่ 3 ขนาด 73 ตร.ม.
1 ห้องนั่งเล่น
1 ห้องครัว
1 ห้องน้ำ
2 ห้องนอน
โดยสรุปแล้ว บ้านน็อคดาวน์ก็เป็นอีกตัวเลือกที่ดีตัวเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่มีงบประมาณหรือมีเวลาที่จำกัด รวมไปถึงข้อจำกัดสำหรับปัจจัยอื่น ๆ ด้วย จะเห็นได้ว่าบ้านน็อคดาวน์ งบ 50000 ก็สามารถซื้อบ้านน็อคดาวน์สวยๆ สักหลังได้แล้ว ใครที่ฝันอยากมีบ้านสักหลัง โดยเริ่มจากบ้านเล็ก ๆ ก่อน อย่างบ้านน็อคดาวน์นี้ก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีมากเลย
เครดิตข้อมูล :